
27 May ผลเท่ อินเด็กซ์: ประชาชนชื่นชมภาคเอกชนมีประสิทธิผลสูงขึ้น ขอรัฐบาลแก้เศรษฐกิจเป็นอันดับหนึ่ง
ผลเท่ อินเด็กซ์ (TE Index) ในส่วนของประสิทธิผลภาคเอกชน ไตรมาส 2 ประชาชนพอใจเทคะแนนเพิ่มทุกด้าน ชื่นชมตอบสนองความต้องการได้ดี มีความเป็นมืออาชีพ ทำงานมีประสิทธิภาพ และขอให้รัฐบาลแก้ปัญหาเศรษฐกิจก่อนเรื่องอื่น
ศ.ดร.เกรียงศักดิ์ เจริญวงศ์ศักดิ์ ประธานสภาปัญญาสมาพันธ์เพื่อการสร้างชาติ และประธานอำนวยการบริหารจัดทำดัชนีประสิทธิผลประเทศไทย (เท่ อินเด็กซ์) แถลงผลการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนที่มีต่อประสิทธิผลภาคเอกชน (Private Sector Effectiveness Index – PVE Index) ประจำไตรมาส 2 ปี 2559 พบว่า ในภาพรวม ประชาชนให้คะแนนภาคเอกชน ร้อยละ 67 ดีขึ้นกว่าการสำรวจไตรมาสแรก ซึ่งได้ร้อยละ 61 อยู่ประมาณร้อยละ 6 โดยได้คะแนนเพิ่มขึ้นในทุกปัจจัย ทั้งด้านประสิทธิผลและด้านการดำเนินงาน
ปัจจัยที่ได้คะแนนสูงสุด 3 อันดับ อันดับแรกผู้ตอบแบบสอบถามพึงพอใจภาคเอกชนสูงสุด ในปัจจัยการตอบสนองต่อความต้องการ ด้วยคะแนนสูงถึงร้อยละ 71.3 เช่นเดียวกับไตรมาสก่อน (ร้อยละ 67.8) โดยมองว่า ภาคธุรกิจ/ร้านค้าค่อนข้างตอบสนองได้ตรงความต้องการและความคาดหวังของผู้บริโภค ทั้งในด้านราคา คุณภาพ และความปลอดภัย
อันดับสอง ร้อยละ 69 ของผู้ตอบแบบสอบถามยอมรับใน ความเป็นมืออาชีพ ของภาคเอกชน โดยได้คะแนนเพิ่มขึ้นจากไตรมาสที่แรก ถึงร้อยละ 10.4 (ไตรมาสแรก 69%) ซึ่งอาจเนื่องมาจากธุรกิจเอกชนมีความสามารถในการปรับตัวตามความต้องการของผู้บริโภคได้ดี สามารถแสวงหาโอกาสทางธุรกิจใหม่และริเริ่มธุรกิจใหม่ ๆ ได้ตามวัตถุประสงค์
ส่วนคะแนนอันดับสาม ร้อยละ 68.2 มองภาคเอกชนทำงานมี ประสิทธิภาพ สามารถใช้ทรัพยากรเพื่อดำเนินกิจการได้อย่างคุ้มค่า ตรงตามวัตถุประสงค์ของธุรกิจ และเป็นปัจจัยที่ได้คะแนนเพิ่มขึ้นจากไตรมาสที่ 1 ถึงร้อยละ 8.7 ซึ่งอาจเนื่องมาจากปัจจัยของความเปลี่ยนแปลงในภาคอุตสาหกรรมที่หลายธุรกิจ/โรงงานได้ปรับตัวไปให้เครื่องจักรเพิ่มขึ้น ตามการปฏิรูปอุตสาหกรรมครั้งที่ 4 หรือ Industrial 4.0
ส่วนปัจจัยที่ได้คะแนนน้อยที่สุด 3 อันดับ ปัจจัยความรับผิดรับชอบ ได้คะแนนน้อยที่สุดอยู่ที่ร้อยที่สุด 63.4 แม้ว่าจะดีขึ้นกว่าการสำรวจครั้งก่อน (58.9%) แต่ยังมองว่า ภาคเอกชนต้องแสดงความรับผิดชอบมากขึ้น โดยเฉพาะการแก้ไขปัญหาอย่างจริงจังต่อผลเสียที่เกิดขึ้นจากการกระทำของตน
ปัจจัยที่ได้คะแนนรั้งท้ายอีก 2 ปัจจัย ได้แก่ ปัจจัยการทำงานโดยปลอดจากคอร์รัปชั่น ได้คะแนนร้อยละ 63.5 แม้ว่าจะดีขึ้นกว่าการสำรวจครั้งก่อน (58.6%) แต่คงปฏิเสธไม่ได้ว่า ประชาชนยังรู้สึกว่า ภาคเอกชนยังมีการทุจริตคอร์รัปชั่นทั้งในองค์กรและกับหน่วยงานภายนอก ส่วนปัจจัยเรื่องความเป็นสากล ได้คะแนนน้อยเป็นอันดัยสาม ร้อยละ 63.6 สะท้อนว่า ธุรกิจไทยยังต้องมีการเตรียมความพร้อมในการทำงานภายใต้วัฒนธรรมและมาตรฐานสากลมากขึ้น
ในการสำรวจครั้งนี้ ได้สอบถามเกี่ยวกับปัญหาประเทศที่ต้องการให้แก้ไขเร่งด่วน อันดับหนึ่ง คือ ปัญหาเศรษฐกิจ (ร้อยละ 25.5) ตามมาด้วยปัญหาการเมือง (ร้อยละ 17.9) และให้คะแนนความพึงพอใจนโยบายแก้ปัญหาเศรษฐกิจของรัฐบาล 5 อันดับแรก ได้แก่ การให้สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำช่วยผู้มีรายได้น้อยผ่านกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง การก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงระหว่างจังหวัด มาตรการเพิ่มขีดความสามารถของ SMEs โครงการบ้านประชารัฐ (สินเชื่อบ้านหลังแรก) และโครงการตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษ (10 จังหวัด)
ดัชนีประสิทธิผลในการทำงานของภาคเอกชน (PVE Index) สะท้อนให้เห็นถึงการรับรู้ของประชาชนว่าภาคเอกชนของไทยสามารถปฏิบัติหน้าที่หรือดำเนินการต่าง ๆ เป็นไปตามความคาดหวังของประชาชนมากน้อยเพียงใด อันจะช่วยให้ภาคเอกชนกลับไปประเมินและปรับปรุงจุดอ่อน เพื่อให้สามารถตอบสนองต่อความต้องการของประชาชนและความอยู่รอดขององค์กร เพื่อความเจริญก้าวหน้าของประเทศโดยรวมต่อไป
No Comments