
29 Apr TE Index ให้ภาครัฐดีขึ้น แต่ ตำรวจ กับ ท้องถิ่น ต้องเร่งปรับปรุง
ผลเท่ อินเด็กซ์ (TE Index) ไตรมาส 2 ประชาชนมองภาครัฐดีขึ้นเล็กน้อยทุกด้าน แต่ประสิทธิผลรวมยังต่ำ เกินครึ่งแต่ไม่ถึง 60% ดีสุดคือเข้าถึงบริการ ประสานร่วมมือดี เป็นมืออาชีพมากขึ้น แต่ยังด้อยกำกับดูแล มีปัญหาความโปร่งใส คอร์รัปชั่นยังสูง และมองว่าหน่วยงานตำรวจกับท้องถิ่นต้องปรับปรุงมากสุด
ศ.ดร.เกรียงศักดิ์ เจริญวงศ์ศักดิ์ ประธานสภาปัญญาสมาพันธ์เพื่อการสร้างชาติ และประธานอำนวยการบริหารจัดทำดัชนีประสิทธิผลประเทศไทย (เท่ อินเด็กซ์) แถลงผลการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนที่มีต่อประสิทธิผลภาครัฐ (Public Sector Effectiveness Index – PBE Index) ประจำไตรมาส 2 ปี 2559 พบว่าในภาพรวม ประชาชนให้คะแนนดีขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อย จากร้อยละ 52.2 ในการสำรวจไตรมาสแรก ขยับขึ้นเป็นร้อยละ 57.7 หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 5.5
ผู้ตอบแบบสอบถามพึงพอใจในการเข้าถึงบริการภาครัฐ ที่สะดวก เพียงพอ และครบถ้วน โดยให้คะแนนเป็นอันดับหนึ่ง คิดเป็นร้อยละ 62.6 และมองว่าภาครัฐสามารถสร้างพันธมิตรและบูรณาการการทำงานกับหน่วยงานอื่น ๆ ทั้งภาครัฐและนอกภาครัฐ ได้ค่อนข้างน่าพึงพอใจ คิดเป็นร้อยละ 61 สูงเป็นอันดับสอง และให้คะแนนความเป็นมืออาชีพ มีความรู้ ความชำนาญ จรรยาบรรณในวิชาชีพ เป็นอันดับสาม หรือคิดเป็นร้อยละ 59.5
ในส่วนปัจจัยด้านคอร์รัปชั่น ได้คะแนนร้อยละ 53.6 เพิ่มขึ้นจากไตรมาสที่ 1 ประมาณร้อยละ 5 แต่ยังถือว่าต่ำอยู่ เช่นเดียวกับมุมมองเรื่องความโปร่งใส แม้จะได้คะแนนสูงขึ้นกว่าไตรมาสก่อน ประมาณร้อยละ 5 เช่นกัน แต่ถือว่าน้อย หรือยังคงไม่มั่นใจในความโปร่งใส โดยได้คะแนนร้อยละ 55.8 และเห็นว่ารัฐยังขาดประสิทธิผลในการกำกับดูแล การบังคับใช้กฎหมายกับทุกกลุ่มยังขาดประสิทธิภาพ โดยให้คะแนนต่ำอันดับสาม หรือร้อยละ 56.2
จากการสอบถามว่า หน่วยงานภาครัฐที่ประชาชนในส่วนภูมิภาคเห็นว่าควรปรับปรุงมากที่สุด 5 อันดับแรก ได้แก่ องค์กรบริหารส่วนตำบล มาเป็นอันดับหนึ่ง ตามมาด้วยรัฐบาล เทศบาล โรงพยาบาล และสถานีตำรวจ ส่วนประชาชนในกรุงเทพมหานคร อยากให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กระทรวงศึกษาธิการ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ เป็นหน่วยงานที่ประชาชนอยากให้ปรับปรุงตัวเองมากที่สุด (หน่วยงานในอันดับอื่น ๆ แสดงในตารางด้านล่าง)
ผลของดัชนีเมื่อเทียบระหว่างไตรมาส 1 และไตรมาส 2 โดยรวมแล้วมีคะแนนเพิ่มขึ้นในทุกปัจจัย ทั้งด้านประสิทธิผลภาครัฐ และด้านการดำเนินงานภาครัฐ (แสดงในตารางแนบท้าย) โดยปัจจัยที่มีคะแนนเพิ่มขึ้นจากไตรมาสแรกมากที่สุด ได้แก่ การเข้าถึง หรือความสามารถของภาครัฐในการอำนวยความสะดวกแก่ประชาชนกลุ่มต่าง ๆ ให้เข้าถึงบริการของรัฐ โดยได้ผลต่างคะแนนเพิ่มขึ้นสูงถึงเกือบร้อยละ 12 ซึ่งอาจเนื่องมาจากในช่วงที่ผ่านมา รัฐได้จัดทำโครงการบ้านประชารัฐซึ่งทำให้คนรายได้น้อยมีโอกาสเข้าถึงเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ อีกทั้งไตรมาสที่ผ่านมาได้มีการเบิกจ่ายงบประมาณปี 2559 ทำให้หน่วยราชการต่าง ๆ รวมทั้งองค์การปกครองส่วนท้องถิ่นใช้จ่ายงบประมาณเพื่อการดูแลประชาชนในพื้นที่ ส่งผลให้ประชาชนพึงพอใจสูงขึ้น
ส่วนปัจจัย ความเป็นมืออาชีพ ได้คะแนนเพิ่มขึ้นจากไตรมาสแรกเป็นอันดับสอง โดยมีคะแนนเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 8.5 ซึ่งอาจเป็นผลจากการใช้มาตรา 44 ของรัฐบาล ในการจัดการกับเจ้าหน้าที่รัฐที่มีปัญหาการทำงานหรือขาดความสุจริต โดยโยกย้ายหรือสอบสวนอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ รวมทั้งการจัดการปัญหาที่เกิดขึ้น อาทิ วิกฤตภัยแล้ง ในช่วงที่ผ่านมาข้าราชการ ทั้งอธิบดีกรมชลประทาน ผู้ว่าการประปาส่วนภูมิภาคและนครหลวงได้เข้ามาร่วมกันแก้ไขอย่างบูรณาการ อาจมีผลทำให้ประชาชนมีความเชื่อถือในความรู้ การทำงานของภาครัฐมากขึ้น และส่งผลให้ประชาชนให้คะแนนในเรื่อง การสร้างพันธมิตรและบูรณาการ เพิ่มขึ้นจากไตรมาส 1 เป็นอันดับ 3 หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 6.1
จากผลเท่ อินเด็กซ์ ประสิทธิผลภาครัฐ ไตรมาส 2 นี้ เสนอว่าหน่วยงานภาครัฐต่าง ๆ ควรเพิ่มประสิทธิผลการทำงานในด้านต่าง ๆ อาทิ ควรส่งเสริมและเร่งบูรณาการความร่วมมือกับภาคส่วนต่าง ๆ โดยเฉพาะคณะกรรมการประชารัฐ 12 คณะ ให้เห็นผลเป็นรูปธรรมชัดเจนในไตรมาสหน้า ควรส่งเสริมศักยภาพขององค์การปกครองท้องถิ่น ในการบริการพื้นฐานให้เข้าถึงประชาชนอย่างครบถ้วน เพียงพอ และมีประสิทธิภาพสูงขึ้น อีกทั้ง รัฐบาลควรมีแนวทางพัฒนาความเป็นมืออาชีพภาครัฐที่ชัดเจน มีแนวทางจัดการปัญหาคอร์รัปชั่นอย่างรวดเร็วเด็ดขาด และเพิ่มความโปร่งใส โดยเปิดทางให้ประชาชนเข้ามาตรวจสอบการทำงานของภาครัฐได้เพิ่มมากขึ้น เป็นต้น
No Comments